
วันนี้(16ก.พ.60)บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์หรือ บุหรี่ไฟฟ้า เริ่มได้รับความนิยมจากสิงห์รมควัน เพื่อใช้ทดแทนการดูดบุหรี่แบบเดิมๆ เพราะเชื่อว่า จะดีต่อสุขภาพ และปลอดภัยมากกว่า บุหรี่ไฟฟ้าถูกคิดค้นและผลิตขึ้นครั้งแรกที่ประเทศจีนโดย บริษัท Ruyan ในปี 2004 ก่อนที่บริษัทอื่นจะพัฒนาออกมาหลากหลายขนาด และรูปแบบ แต่ทุกแบบจะมีหลักการทำงานไม่แตกต่างกัน โดยส่วนประกอบสำคัญ 4 ส่วน ได้แก่
1.น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หรือ E – Liquid ซึ่งผลิตจากสารโพรพลีลีน กลีเซอรอล หรือเรียกสั้นๆ ว่า พีจี ซึ่งสารพีจีจะใช้เป็นตัวละลายกลิ่น หรือรสชาติกับนิโคติน 2. ตัวBattery สำหรับสร้างความร้อน 3.Cartridge ตัวอุปกรณ์ที่ใช้เก็บE – Liquid และ 4. Atomizer ตัวสร้างควันจากคลื่นความร้อนไมโครเวฟ ซึ่งส่วนประกอบทั้งหมดไม่ทำให้เกิดควันจากการเผาไหม้ แต่ควันที่เห็นเกิดจากไอน้ำจากอุปกรณ์สร้างควัน
ข่าวจากรอยเตอร์ที่รายงานเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ระบุว่า ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน หรือยูซีแอล ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันโรคมะเร็งอังกฤษว่า ผู้สูบบุหรี่ทีเปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทนต่อเนื่องนาน 6 เดือน จากการตรวจปัสสาวะและน้ำลายของผู้ทดลอง 181 คน พบว่า มีสารก่อมะเร็งลดลงอย่างมาก
ขณะที่ดร.ไลออน ซาฮับ หัวหน้าทีมวิจัยจากยูซีแอลยืนยันว่า บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่แบบเผาไหม้ และมีความเสี่ยงต่อสุขภาพต่ำมากเมื่อใช้ในระยะยาว แต่ต้องยอมรับการวิจัยพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้ายังอยู่ในขั้นเริ่มต้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเชื่อว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่มีส่วนประกอบของใบยาสูบ และไม่มีการเผาไหม้ทำให้ปลอดภัยมากกว่าบุหรี่มวนใบยาสูบ ฉะนั้นบุหรี่ไฟฟ้าน่าจะมีโอกาสเป็นเครื่องมือทางสาธารณสุขที่ใช้ในการบำบัดผู้ติดบุหรี่ แต่ขณะที่ประเทศอเมริกา และไทยเอง ก็มีความวิตกในเรื่องของความปลอดภัยและออกนโยบายต่อต้านด้วยการกีดกันการใช้งาน และกลายเป็นของผิดกฎหมาย
ที่มา : http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=129008&t=news
More Stories
แนวทางการลดความเสี่ยงในการควบคุมยาสูบ
จากการศึกษาพบว่าไม่มีหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ได้รับนิโคตินจากบุหรี่ไฟฟ้าจะเปลี่ยนเป็นผู้ที่สูบบุหรี่มวนได้
นิโคตินคืออะไร กับผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร