
ทีมวิจัยมหาวิทยาลัย King’s College London ซึ่งได้รับทุนจากสาธารณสุขประเทศอังกฤษรายงานการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำในกลุ่มเยาวชนในประเทศยังพบได้น้อย ในขณะที่จำนวนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มผู้ใหญ่ค่อนข้างคงที่
รายงานนี้เป็นรายงานชิ้นแรกจากงานวิจัยชุดใหม่ที่มีทั้งหมด 3 ชิ้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนทำการวิจัยโดยสาธารณสุขประเทศอังกฤษภายใต้แผนยุทธศาสตร์ควบคุมยาสูบประเทศอังกฤษ โดยรายงานฉบับดังกล่าวเจาะลึกเรื่องการใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าการศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพ (ซึ่งจะรายงานอยู่ในผลการศึกษาฉบับต่อไป)
ผลการวิจัยพบว่า การลองใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชนนั้นเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อนๆ แต่อัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำยังคงต่ำอยู่ พบเพียง 1.7% ของเยาวชนที่อายุน้อยกว่า 18 ปีว่ามีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำทุกสัปดาห์หรือมากกว่านั้น และส่วนใหญ่เป็นผู้ที่สูบบุหรี่อยู่ก่อนแล้ว ในขณะเดียวกันมีเพียง 0.2% เท่านั้นของกลุ่มเยาวชนที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อนแล้วหันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำ
การใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำในกลุ่มผู้ใหญ่นั้นแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยในหลายปีที่ผ่านมาก และผู้ใช้ส่วนใหญ่คือผู้ที่สูบบุหรี่และผู้ที่เลิกบุหรี่ได้แล้ว โดยใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวช่วยในการเลิกบุหรี่
ศจ. John Newton ผู้อำนวยการพัฒนาฝ่ายพัฒนาสุขภาพที่สาธารณสุขประเทศอังกฤษกล่าวว่า
“เป็นไปในทางตรงกันข้ามกับที่สื่อในอเมริการายงาน เรายังไม่เห็นการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มวัยรุ่นเพิ่มขึ้นในประเทศอังกฤษ ถึงแม้จะมีวัยรุ่นจำนวนมากได้ลองใช้บุหรี่ไฟฟ้า อย่างไรก็ตามการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำนั้นยังต่ำอยู่ และในกลุ่มที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อนถือว่าอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก …ทั้งนี้ เราจะติดตามกลุ่มเยาวชนที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าและพฤติกรรมการสูบบุหรี่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่เราตั้งเป้าไว้ในการสร้างคนรุ่นใหม่ยุคไร้ควันบุหรี่”
ทั้งที่บุหรี่ไฟฟ้าเป็นที่นิยมในการใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยเลิกบุหรี่ แต่มีเพียง 1 ใน 3 ของผู้สูบบุหรี่เท่านั้นที่เคยลองใช้ และมีเพียง 4% ที่พยายามเลิกบุหรี่ผ่านการใช้บริการช่วยเลิกบุหรี่ได้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ทั้งที่บุหรี่ไฟฟ้าเป็นแนวทางช่วยเลิกที่มีประสิทธิภาพ
รายงานดังกล่าวยังเสนอแนะว่าศูนย์ให้บริการช่วยเลิกบุหรี่ควรสนับสนุนผู้สูบบุหรี่ให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในการช่วยเลิกบุหรี่ ทั้งนี้ อัตราการสูบบุหรี่ในวัยรุ่นนั้นคงที่มาหลายปี ในขณะอัตราดังกล่าวในกลุ่มผู้ใหญ่ตกลงเหลือต่ำกว่า 15%
มีการศึกษาทางคลินิกของสหราชอาณาจักรอีก 1 ฉบับซึ่งได้รับการเผยแพร่ แต่ไม่ได้รวมอยู่ในรายงานของสาธารณสุขอังกฤษฉบับนี้ชี้ว่า การใช้บุหรี่ไฟฟ้า พร้อมการให้ความช่วยเหลือแบบตัวต่อตัวนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าเป็น 2 เท่าในการช่วยเลิกบุหรี่เมื่อเทียบกับการใช้ผลิตภัณฑ์นิโคตินทดแทนอื่นๆ เช่น แผ่นแปะ หรือหมากฝรั่ง
ศจ. Newton ยังกล่าวเสริมว่า “เราสามารถเร่งลดอัตราการสูบบุหรี่ได้ถ้ามีผู้สูบบุหรี่จำนวนมากหันไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทนและเลิกสูบบุหรี่ จากหลักฐานในปัจจุบันแสดงให้เห็นชัดเจนว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าตามศูนย์บริการช่วยเลิกบุหรี่สามารถเพิ่มโอกาสการเลิกบุหรี่ได้เป็น 2 เท่า แต่บุหรี่ไฟฟ้ากลับถูกใช้เพื่อเลิกบุหรี่น้อยมาก ซึ่งมันถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว ทุกๆ ศูนย์บริการช่วยเลิกบุหรี่จะต้องเริ่มให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อช่วยเลิกบุหรี่กับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่มากขึ้น ถ้าคุณสูบบุหรี่ การเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าจะช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย และช่วยชีวิตคุณ”
ศจ. Ann McNeill จาก King’s Colledge London หนึ่งในทีมวิจัยกล่าวว่า “การใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำในกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่เคยสูบบุหรี่มากก่อนนั้นมีน้อย อย่างไรก็ตามเรายังคงติดตามอย่างใกล้ชิด”
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีเพียง 1 ใน 3 ของผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่ในปัจจุบันได้ลองได้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า จึงเห็นได้ว่านี่เป็นโอกาสสำหรับผู้สูบบุหรี่จำนวนมากจะได้ลองใช้บุหรี่ไฟฟ้าซึ่งได้ช่วยผู้สูบบุหรี่หลายคนเลิกบุหรี่มาแล้ว ผู้สูบบุหรี่ควรได้รับคำแนะนำให้เลิกบุหรี่ให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และลองใช้ทางเลือกอื่นๆ เป็นตัวช่วย รวมทั้งบุหรี่ไฟฟ้า
รายงานดังกล่าวยังบอกว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าพร้อมกับรับคำแนะนำแบบตัวต่อตัวน่าจะเป็นทางเลือกที่ควรมีให้กับผู้สูบบุหรี่ทุกคน และควรมีการให้แพทย์ที่ดูแลเรื่องการเลิกบุหรี่รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในการช่วยเลิกบุหรี่เข้ารับข้อมูลและการฝึกอบรมในการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อช่วยเลิกบุหรี่
https://www.gov.uk/government/news/regular-e-cigarette-use-remains-low-among-young-people-in-britain
More Stories
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ควรให้ความสำคัญกับการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าการห้ามสูบบุหรี่
FDA เปิดตัวเว็บไซต์ให้ความรู้เพื่อการศึกษาเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า
รัฐบาลอินโดนีเซียคาดว่าจะเปิดรับผลิตภัณฑ์ยาสูบทางเลือกนอกจากบุหรี่มากขึ้น