Tobacco Harm Reduction Network (Thailand)

รวมบทความ ข่าวสาร งานวิจัย เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการลดสารพิษจากการสูบบุหรี่แบบมวน และลดมลพิษให้กับคนรอบข้าง

ผู้สูบบุหรี่กว่า 26% สนใจผลิตภัณฑ์ไร้ควัน อย่างบุหรี่ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน

ผลสำรวจที่จัดทำโดย Lake Research ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ฟิลลิป มอร์ริส ลิมิเต็ด (PML) พบว่ากว่า 26% ของผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่ในสหราชอาณาจักรมีความสนใจในบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบไม่มีควัน (smoke free products) โดยผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่กว่า 1,800 คนเข้าร่วมในการสำรวจเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือก และการปฏิบัติตัวของผู้สูบบุหรี่เมื่อเข้าไปในร้านค้ายาสูบ

ผู้สูบบุหรี่ส่วนใหญ่กว่า 61% กล่าวว่ารู้สึกสบายใจที่จะขอคำแนะนำจากร้านค้าว่าผลิตภัณฑ์ใดเหมาะสำหรับพวกเขาในปี 2022 และมากกว่าครึ่ง (58%) ของผู้เข้าร่วมกล่าวว่าพวกเขายังไม่พบผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่น่าสนใจมากพอที่จะมาช่วยให้พวกเขาเลิกบุหรี่ได้ ขณะที่เกือบหนึ่งในสาม (32%) อยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของผลิตภัณฑ์ยาสูบไร้ควันที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาด

มีผู้สูบบุหรี่เพียง 17% เท่านั้นที่มีแนวโน้มว่าจะถามร้านค้าปลีกว่ามีผลิตภัณฑ์ไร้ควันอะไรบ้าง และขอคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางเลือกอื่นที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา
ขณะที่กว่า 65% ของผู้สูบบุหรี่จะไม่ถามว่าผลิตภัณฑ์ทางเลือกใดที่ตรงกับความต้องการของตัวเอง เช่น รสชาติ ปริมาณของนิโคติน และข้อมูลจากร้านค้าที่พวกเขาสามารถไปค้นคว้าเพิ่มเติมได้

Kate O’Dowd หัวหน้าฝ่ายวางแผนเชิงพาณิชย์ของ Philip Morris Limited ในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์กล่าวว่า “ผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นว่าการที่ร้านค้ามีผลิตภัณฑ์ทางเลือกทดแทนบุหรี่จำหน่ายในร้านอาจไม่เพียงพอ ผู้ค้าปลีกจำเป็นต้องหาความรู้เพิ่มเติมเองและสื่อสารกับลูกค้าเกี่ยวกับประโยชน์ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ด้วย ร้านค้าต้องเป็นศูนย์กลางของความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เพื่อเป็นส่วนช่วยแก่ผู้บริโภคที่มีปัญหาในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ไร้ควันอย่างบุหรี่ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน”

ส่วนในไทยนั้นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้านั้นยังคงเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่มาจากภาครัฐจึงอาจไม่ได้เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ที่สุดสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือกแทนการสูบบุหรี่แบบเดิมเนื่องจากภาครัฐมักให้ข้อมูลเพียงด้านเดียว ดังนั้นการที่ผู้คนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ลดความเสี่ยงจากอินเทอร์เน็ตได้อย่างอิสระและไม่สามารถสอบถามได้จากผู้ค้านั้น จึงไม่ได้เกิดประโยชน์กับผู้ใช้แต่อย่างใด หรือหากผู้บริโภคได้สินค้าแล้วนำมาใช้ผิดประเภทก็ไม่ได้ลดความเสี่ยงจากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ และยังเป็นอันตรายมากขึ้นจากการซื้อขายออนไลน์แบบผิดกฎหมาย ทั้งยังเสี่ยงต่อการถูกโกงอีกด้วย รวมไปถึงการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเยาวชนเนื่องจากไม่มีกฎหมายควบคุม

Click to rate this post!
[Total: 1 Average: 5]