
หนึ่งในปณิธานปีใหม่ที่พบบ่อยที่สุดคือการเลิกบุหรี่ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่ในระดับทั่วโลกซึ่งเป็นการเสียชีวิตที่สามารถป้องกันได้ ในความเป็นจริงบุหรี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกกฎหมายเพียงอย่างเดียวที่สามารถคร่าชีวิตผู้สูบบุหรี่ได้ถึง 1 รายในผู้สูบบุหรี่ทุกๆ 2 คนเมื่อสูบบุหรี่เป็นประจำ
ทั้งนี้ วิธีเลิกบุหรี่มีอยู่หลายวิธีด้วยกัน และวิธีที่พบได้บ่อย ได้แก่ การหักดิบ การรับประทานยาซึ่งโดยปกติแล้วแพทย์และศูนย์บริการเลิกบุหรี่จะเป็นผู้ให้คำแนะนำ หรืออีกวิธีหนึ่งคือการเปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้า
อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ยังคงมีข้อกังขาเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไปจริงหรือไม่ และแท้จริงแล้วบุหรี่ไฟฟ้ามีความอันตรายแค่ไหนยังมีอยู่เรื่อยๆ
ในขณะที่มีงานวิจัยเกี่ยวกับการสูบบุหรี่มวนออกมา แต่ผลกระทบต่อสุขภาพจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าระยะยาวยังไม่เป็นมีมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับบุหรี่มวน เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้ายังค่อนข้างใหม่อยู่ และนักวิจัยยังคงพบปัญหาในการทำการศึกษาผู้ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่เคยสูบบุหรี่มวนมาก่อน
อย่างไรก็ตาม สาธารณสุขประเทศอังกฤษรายงานว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไปถึง 95% อย่างไรก็ตามศาสตราจารย์จอห์น นิวตัน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาสุขภาพของสาธารณสุขอังกฤษกล่าวว่า:ตัวเลขดังกล่าวเป็นการประเมินโดยใช้การประมาณการที่ดีที่สุด เป็นตัวเลขที่เป็นประโยชน์ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวเลขประมาณการณ์อย่างแม่นยำตามหลักวิทยาศาสตร์
แม้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่มีส่วนประกอบที่เป็นอันตรายมากกว่าบุหรี่ทั่วไป เช่น สารทาร์หรือคาร์บอนมอนอกไซด์ แต่ก็อาจมีผลิตภัณฑ์บางตัวที่เป็นอันตรายรวมถึงโลหะหนักบางชนิดรวมอยู่ ดังนั้นการขาดการควบคุมในการผลิตบุหรี่ไฟฟ้านี้จะทำให้งานของนักวิจัยมีความยากลำบากขึ้น เนื่องจากความแตกต่างกันระหว่างยี่ห้ออาจส่งผลกระทบต่อผลการวิจัยต่าง ๆ
ตามรายงานของรัฐสภาล่าสุดมีการประมาณการว่าผู้คน 2.9 ล้านคนในสหราชอาณาจักรใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำ และในปี 2016 แผนยุทธศาสตร์ควบคุมยาสูบซึ่งเป็นความคิดริเริ่มจากกรมอนามัยและการดูแลสังคมซึ่งมีเป้าหมายที่จะลดการสูบบุหรี่ในอังกฤษ ได้ประมาณการว่ามีผู้คนกว่า 470,000 คนใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อช่วยเลิกบุหรี่
อย่างไรก็ตามรายงานดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงจำนวนดังกล่าวนั้นมีผู้ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ช่วยในการเลิกบุหรี่ที่เลิกได้สำเร็จเท่าใด อีกทั้งยังไม่มีภาพที่ชัดเจนของการรายงานผลที่ทำให้เห็นถึงผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้าที่อาจมีต่อหลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดงขนาดเล็กทั้งในผู้ใช้และผู้รับไอละอองมือสอง ซึ่งยังขาดความรู้เรื่องประเด็นดังกล่าวอยู่ ซึ่งในขณะนี้ Sheffield Hallam University มีทีมวิจัยเรื่องดังกล่าวอยู่ เพื่อที่จะศึกษาถึงประโยชน์และความเสี่ยงของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกบุหรี่ โดยมุ่งเน้นไปที่สุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด โดยดูที่ผลกระทบของหลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดงขนาดเล็ก
ด้วยทุนจากสถาบันวิจัยหัวใจแห่งสหราชอาณาจักร ผู้เข้าร่วมการวิจัยได้รับการติดตามตลอดหกเดือน โดยแบ่งออกเป็นสามกลุ่มคือ
- กลุ่มหนึ่งที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินมาก
- กลุ่มที่ 2 จะได้รับบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่มีนิโคติน และ
- กลุ่มที่ 3 ซึ่งได้รับการบำบัดด้วยผลิตภัณฑ์นิโคตินทดแทนพร้อมการใช้บริการการเลิกบุหรี่ของเมือง Sheffield
โดยผู้เข้าร่วมงานวิจัยจะได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนการเลิกบุหรี่ที่เหมือนกันเป็นไปตามรูปแบบของการให้บริการช่วยเลิกบุหรี่ และตอนนี้เรายังคงมองหาคนที่จะมาเข้าร่วมในการวิจัยนี้ โดยผู้ที่เข้าร่วมจะต้องเต็มใจเลิกบุหรี่และพร้อมที่จะทำตามโปรแกรมที่ได้รับมอบหมาย
การเลิกบุหรี่อย่างถาวร
ทีมวิจัยตรวจวัดระดับคอเลสเตอรอล ระดับการติดนิโคติน ปริมาณของคาร์บอนมอนอกไซด์ในลมหายใจ และประเมินการทำงานของหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำขนาดเล็กของกลุ่มตัวอย่างที่เข้าร่วมงานวิจัย โดยผลจากการตรวจเหล่านี้จะถูกส่งมอบให้กับพวกเขาด้วยเช่นกัน
โดยเบื้องต้นการสำรวจแบบสุ่มพบว่าผู้เข้าร่วมงานวิจัยที่อยู่ในกลุ่มบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้ตที่จะเลิกบุหรี่และไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปสูบอีก ซึ่งมีผลเป็นไปตามงานวิจัยอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ แต่เพื่อให้ได้ความแม่นยำมากขึ้น ทีมวิจัยยังได้แบ่งผู้เข้าร่วมเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่เลิกบุหรี่ได้สำเร็จ และกลุ่มที่เลิกไม่สำเร็จ ซึ่งทางทีมวิจัยจะทำการประเมินต่อไปว่าเหตุใดจึงเลิกบุหรี่ไม่ได้ โดยหวังว่าการค้นพบเหล่านี้จะช่วยให้รู้ได้ว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อให้เลิกบุหรี่ได้จริงนั้นควรมีทิศทางอย่างไร และที่สำคัญงานวิจัยนี้จะช่วยให้ผู้สูบบุหรี่มีทางเลือกมากขึ้นและได้รับข้อมูลมากขึ้นเพื่อที่พวกเขาจะได้เลิกบุหรี่ได้อย่างถาวร
More Stories
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ควรให้ความสำคัญกับการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าการห้ามสูบบุหรี่
แนวทางการลดความเสี่ยงในการควบคุมยาสูบ
นักเคลื่อนไหวบุหรี่ไฟฟ้ายกย่องกฎหมายบุหรี่ไฟฟ้าใหม่ในฟิลิปปินส์