
จดหมาย
วันพุธที่ 19 สิงหาคม 2020
องค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่าการสูบบุหรี่จะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ โดยจะมีผู้สูบบุหรี่มากกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลก
WHO ระบุว่าการใช้ยาสูบนั้นคร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 7 ล้านคนทั่วโลก (ทั้งผู้สูบบุหรี่มือหนึ่งและมือสอง) ในทุก ๆ ปี
วิถีเช่นนี้จะคงอยู่ต่อไปแม้จะมีมาตรการที่เคร่งครัดเพื่อหยุดยั้งพฤติกรรมดังกล่าว เช่น การห้ามโฆษณาผลิตภัณฑ์ยาสูบและการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ การบังคับใช้ภาพคำเตือนด้านสุขภาพบนซองบุหรี่และการเรียกเก็บภาษีบุหรี่ในอัตราที่สูง
จวบจนปัจจุบันนี้ ข้อความรณรงค์ว่า “ถ้าไม่เลิกก็ตาย” ก็ยังไม่ส่งประสิทธิผลใด ๆ และความพยายามที่ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการเลิกบุหรี่ทำให้เกิดความคับข้องใจในหมู่ผู้สูบบุหรี่ ทั้งที่ความจริงแล้วพวกเขาสูบบุหรี่เพื่อรับสารนิโคตินที่ตนเสพติด แต่กลับถูกคร่าชีวิตด้วยสารเคมีอันตรายในควันบุหรี่
ในเรื่องนี้ หน่วยงานด้านสาธารณสุขที่คิดการณ์ไกลกลุ่มหนึ่งกำลังสำรวจบทบาทของผลิตภัณฑ์ทางเลือก ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับหลักการลดอันตรายจากยาสูบ
มีการพบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มากขึ้นซึ่งนำเสนอให้ใช้ทางเลือกที่ไร้ควัน เช่น บุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (HTP) เพื่อศักยภาพในการลดความเสี่ยงต่อสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่
ตัวอย่างเช่น สถาบันด้านสาธารณสุขในประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร แคนาดาและนิวซีแลนด์ ซึ่งได้ให้การรับรองอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับบทบาทของผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าในการช่วยลดอันตรายจากการสูบบุหรี่
องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นสถาบันกำกับดูแลที่มีอิทธิพลมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่มักกำหนดมาตรฐานในการรับรองความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ไว้ในระดับสูง ได้ออกมาเคลื่อนไหวซึ่งสร้างความประหลาดใจให้หลาย ๆ คน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 โดยทางองค์การได้อนุญาตให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อนสื่อสารกับผู้บริโภคในฐานะผลิตภัณฑ์ยาสูบลดความเสี่ยง (MRTP) ได้
การตัดสินใจเกิดขึ้นจากการทบทวนหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งระบุว่าผลิตภัณฑ์นี้แตกต่างจากบุหรี่ทั่วไปอย่างชัดเจนเนื่องจากไม่ได้มีการเผาไหม้ของยาสูบ จึงช่วยลดการสัมผัสกับสารเคมีอันตรายของผู้ใช้
MRTP ได้รับอนุญาตให้สื่อสารกับผู้บริโภคว่า “ลดระดับหรือลดการสัมผัสกับสารเคมีอันตราย” นอกจากนี้ยังกำหนดให้มีการเฝ้าระวังหลังการวางจำหน่ายในตลาด และการศึกษาเพื่อให้แน่ใจว่าแม้ว่าผลิตภัณฑ์จะมีจำหน่ายเพื่อส่งเสริมสุขภาพของประชาชน แต่ต้องไม่สนับสนุนให้เยาวชนใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้โดยไม่ตั้งใจ
ในมาเลเซีย รัฐบาลปากาตันฮาราปันกำลังพิจารณาว่าจะสั่งห้ามหรือจะอนุญาตบุหรี่ไฟฟ้า (โดยมีข้อจำกัด) แต่การต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจจะหันเหแนวทางและความสนใจเกือบทั้งหมดของฝ่ายบริหารไปในขณะนี้
การสื่อสารหรือนโยบายที่ขัดแย้งกันจากหน่วยงานของรัฐ (เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า) ยังทำให้ประชาชนเกิดความสับสน แต่สิ่งที่เราทราบในความเป็นจริงก็คือผู้สูบบุหรี่ถือเป็นกลุ่มประชากรที่มีงานทำของมาเลเซีย และความเป็นอยู่ที่ดีของกำลังแรงงานควรเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด
ความร้ายแรงของปัญหาการสูบบุหรี่ถือเป็นสิ่งที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยรัฐบาลต้องดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อลดอันตรายจากการสูบบุหรี่หากไม่สามารถกำจัดไปโดยสิ้นเชิงได้
จากมุมมองด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การปรับตัวของผลิตภัณฑ์ลดความเสี่ยงสำหรับผู้สูบบุหรี่ที่ไม่สามารถเลิกบุหรี่หรือไม่คิดจะเลิกสูบบุหรี่นั้นสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนในลำดับขั้นของหลักการควบคุม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรมีการนำหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ลดความเสี่ยงเข้ามาใช้เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายที่อ้างอิงตามหลักฐาน
หน่วยงานกำกับดูแลของมาเลเซียสามารถใช้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดจากหน่วยงานกำกับดูแลของดัตช์ ที่สถาบันแห่งชาติเพื่อการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม (RIVM) ซึ่งดำเนินการวิจัยของตนเองเพื่อพัฒนาวิธีการทดสอบเพื่อหาปริมาณความเสี่ยงของบุหรี่ไฟฟ้าในการประเมินผลิตภัณฑ์ หรือการดำเนินการทบทวนอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมานข้อมูลการวิจัยที่มีอยู่เพื่อเป็นแนวทางในนโยบายเพิ่มเติม
ผู้กำหนดนโยบายควรใช้ความเป็นกลางในการวัดความแม่นยำของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานที่ได้จากการสนับสนุนในอุตสาหกรรมหรือการวิจัยอิสระ
หากการลดอันตรายจากยาสูบได้รับการยอมรับและถูกนำไปใช้อย่างมีเหตุผลอาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการชี้นำไปสู่เส้นทางการเลิกบุหรี่ ซึ่งจะช่วยลดการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตที่เกิดจากการสูบบุหรี่
More Stories
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ควรให้ความสำคัญกับการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าการห้ามสูบบุหรี่
แนวทางการลดความเสี่ยงในการควบคุมยาสูบ
FDA เปิดตัวเว็บไซต์ให้ความรู้เพื่อการศึกษาเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า