
สมาคมผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าแคนาดาแสดงความกังวลว่าการโยงข้อมูลผิดๆเกี่ยวกับโรคโควิด-19กับบุหรี่ไฟฟ้าเป็นการทำร้ายระบบสาธารณสุขในภาพรวม เพราะจนถึงปัจจุบันองค์การอนามัยโลกเองก็ยังไม่พบความเชื่อมโยงใดๆระวห่างบุหรี่ไฟฟ้ากับโรคโควิด-19 ในขณะที่มีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและโรคโควิด-19 ที่ไม่ได้อ้างอิงจากหลักฐานการศึกษาทางวิยาศาสตร์ใดๆออกมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวลเป็นอย่างมาก
ดร.เคทลิน นอทลีย์ นักวิจัยเชี่ยวชาญด้านการเสพติดโดยเฉพาะเรื่องการสูบบุหรี่และการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ระบุว่า “ยังไม่มีหลักฐานอะไรที่บอกว่าบุหรี่ไฟฟ้าทำให้การติดเชื้อโควิด-19 รุนแรงขึ้นหรือมีความเสี่ยงในการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น” อย่างไรก็ตามผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีประวัติการสูบบุหรี่มวนมาเป็นเวลานานอาจมีอาการของโรคที่ใกล้เคียงกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรง แต่นี่เป็นผลพวงมาจากการสูบบุหรี่ ไม่ใช่ผลที่เกิดจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า เพราะการเปลี่ยนจากบุหรี่มวนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าจะช่วยให้ระบบการทำงานของหัวใจและปอดกลับมาดีขึ้น ดังนั้นผู้ที่เลิกบุหรี่มวนด้วยบุหรี่ไฟฟ้าจะมีความรุนแรงของโรคน้อยลงหากติดเชื้อโควิด-19 ผู้สูบบุหรี่จึงควรเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทนที่บุหรี่มวน
ในปัจจุบันคนแคนาดากว่า 6 ล้านคนยังคงสูบบุหรี่มวนและมีเพียงน้อยกว่า 3% ที่สามารถเลิกบุหรี่ได้โดยไม่ใช่ตัวช่วยใดๆ ในขณะที่บุหรี่ไฟฟ้ามีการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการช่วยเลิกบุหรี่มากกว่าทางเลือกอื่นๆถึง 2 เท่าตัว
สาธารณสุขอังกฤษได้ออกข้อสรุปเป็นปีที่ 6 ติดต่อกันว่าไอละอองจากบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าควันบุหรี่มวนถึง 95% ในเมื่อโรคโควิด-19 เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ กลุ่มผู้สูบบุหรี่จึงถือเป็นกลุ่มเสี่ยง ดังนั้นหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆควรจะหันมายอมรับทางเลือกในการลดอันตรายจากบุหรี่ (Tobacco Harm Reduction) ที่มีอยู่ทั้งหมด เพราะการเลิกแบบหักดิบนั้นมีแต่ในอุดมคติและสามารถทำได้ยากในโลกของความเป็นจริง
More Stories
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ควรให้ความสำคัญกับการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าการห้ามสูบบุหรี่
แนวทางการลดความเสี่ยงในการควบคุมยาสูบ
นักเคลื่อนไหวบุหรี่ไฟฟ้ายกย่องกฎหมายบุหรี่ไฟฟ้าใหม่ในฟิลิปปินส์