
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระบุว่าควันเป็นสาเหตุการตายที่เกิดจากการสูบบุหรี่ของคนหลายพันคนในแต่ละวัน ไม่ใช่นิโคติน ศาสตราจารย์เดวิด ที. สวีเนอร์ ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาของศูนย์กฎหมายสุขภาพ นโยบายและจริยธรรมจากมหาวิทยาลัยออตตาวา กล่าวว่า “มีการวิจัยยาวนานหลายสิบปีเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากการสูบบุหรี่ และเรารู้มาอย่างน้อยตั้งแต่ใน ค.ศ. 1970 ว่าสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจและโรคปอด คือการสูดรับควันซ้ำ ๆ”
ศาสตราจารย์สวีเนอร์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายชาวแคนาดาที่เชื่อว่าการลดอันตรายจากยาสูบเป็นหนึ่งในนวัตกรรมด้านสาธารณสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาเป็นแนวหน้าของความพยายามระดับโลกในการลดการสูบบุหรี่เป็นเวลายาวนานเกือบสี่ทศวรรษ “เพราะว่าร่างกายของเราไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสูดดมควัน เราเห็นโรคที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นกับคนที่ปรุงอาหารแบบเตาเปิดที่มีการระบายอากาศไม่ดี และกับนักดับเพลิงที่มีการสูดควันในระยะยาว” ศาสตราจารย์สวีเนอร์ กล่าวเสริมว่าสารทาร์จากการเผาไหม้เป็นตัวการที่มีสารก่อมะเร็งและสารพิษ ไม่ใช่นิโคติน
ศาสตราจารย์สวีเนอร์ได้ชี้แจงเพื่อเน้นย้ำถึงประโยชน์ของผลิตภัณฑ์นิโคตินที่ไร้ควัน เช่น บุหรี่ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ให้ความร้อนยาสูบแบบไม่เผาไหม้ และผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบอมไว้ในปาก เช่น สนูสของสวีเดน เป็นทางเลือกที่เป็นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่แบบเผาไหม้ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 20,000 รายต่อวันทั่วโลก
เขากล่าวว่าการทำผลิตภัณฑ์นิโคตินเชิงนวัตกรรมเหล่านี้มีจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ เช่น ประเทศฟิลิปปินส์ จะช่วยให้ผู้สูบบุหรี่หลายล้านคนสามารถลดการสัมผัสกับควันและโรคภัยที่มากับควันได้
เขากล่าวว่านิโคตินไม่ใช่สารที่ก่อให้เกิดโรคภัยเหล่านี้ ซึ่งตรงกันข้ามกับความเชื่อที่แพร่หลายทั่วไป
“ลำพังนิโคตินเองนั้นไม่ใช่ปัญหา ภัยพิบัติด้านสุขภาพระดับโลกที่เราเผชิญอยู่นั้นเกิดจากวิธีการที่เรารับนิโคตินเข้าสู่ร่างกาย พูดง่าย ๆ ก็คือ ใครก็ตามที่ต้องการแก้ไชปัญหายอดผู้เสียชีวิตเนื่องจากการสูบบุหรี่ ทั่วโลก 20,000 รายต่อวัน” ศาสตราจารย์สวีเนอร์กล่าว
ศาสตราจารย์สวีเนอร์กล่าวว่านิโคตินสามารถเทียบได้กับคาเฟอีน เพราะเป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่เสพติดและให้ประโยชน์ที่หลากหลายแก่ผู้ใช้มากมาย“ลำพังตัวมันเอง ไม่ได้มีความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญเมื่อใช้ในปริมาณปกติ แต่หากได้รับผ่านระบบการให้นิโคตินที่เป็นพิษ เช่น การสูบบุหรี่ อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยร้ายแรงได้” เขากล่าว
เขากล่าวว่าการพัฒนาเทคโนโลยีเมื่อไม่นานนี้ทำให้เราสามารถบริโภคนิโคตินได้โดยไม่ต้องอาศัยการเผาไหม้ ซึ่งทำให้ผู้สูบบุหรี่มีทางเลือกที่เป็นอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่ เขากล่าวว่าบุหรี่ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน และสนูสสามารถให้นิโคตินกับร่างกายโดยที่ไม่ต้องเผายาสูบ ซึ่งแตกต่างจากยาสูบแบบเผาไหม้
การศึกษาทางวิทยาศาสตร์หลายงานยืนยันว่าผลิตภัณฑ์นิโคตินที่ไร้ควันเหล่านี้มีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไปมาก สาธารณสุขอังกฤษและราชวิทยาลัยอายุรแพทย์อังกฤษระบุว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มว่าจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ต่ำกว่ายาสูบแบบเผาไหม้อย่างน้อย 95%
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าทางเลือกที่ไร้ควันเหล่านี้ให้ความพึงพอใจเช่นเดียวกับบุหรี่ ในขณะที่มีความเสี่ยงจากสารพิษและสารก่อมะเร็งอันตรายที่พบในควันบุหรี่ในระดับที่ต่ำกว่า
การทดลองทางคลินิกในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 ที่จัดทำโดยสถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติของสหราชอาณาจักรพบว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพในการช่วยให้ผู้สูบบุหรี่เลิกบุหรี่มากกว่าการบำบัดด้วยนิโคตินทดแทน เช่น แผ่นแปะและหมากฝรั่งนิโคตินถึงสองเท่า
ศาสตราจารย์สวีเนอร์กล่าวว่าการค้นพบเหล่านี้ทำให้ผลิตภัณฑ์นิโคตินที่ไร้ควันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยเลิกบุหรี่ในปัจจุบัน
“ตอนนี้เราสามารถกำจัดการสูบบุหรี่ได้มากเท่าที่หลาย ๆ ประเทศได้กำจัดโรคติดเชื้อต่าง ๆ และนำพาผู้บริโภคให้ห่างจากผลิตภัณฑ์อันตรายอื่น ๆ มากมาย เราสามารถใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและเหตุผลในการร่างระเบียบข้อบังคับที่สามารถยุติการสูบบุหรี่ให้หมดสิ้นไป และช่วยแก้ไขปัญหาผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ 20,000 รายต่อวันทั่วโลก เราสามารถสร้างประวัติศาสตร์ด้านสาธารณสุขได้ไม่น้อยไปกว่าการกำจัดไข้ทรพิษเลยทีเดียว” เขากล่าว
ศาสตราจารย์สวีเนอร์อ้างถึงกรณีของญี่ปุ่นที่ตลาดบุหรี่หนึ่งในสามหดหายไปในเวลาเพียงสามปีหลังจากที่เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อนในประเทศ
“การทดแทนด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่นั้นได้ผลดีและดูเหมือนจะได้ผลได้ดีกว่ากลยุทธ์อื่น ๆ ที่เราเคยใช้ในการลดปริมาณการสูบบุหรี่ เราได้เห็นผลลัพธ์เช่นนี้ในสวีเดน นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์และประเทศอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน จากผลิตภัณฑ์ทางเลือกของบุหรี่ที่มีความเสี่ยงต่ำรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช้การเผาไหม้” เขากล่าว
ศาสตราจารย์สวีเนอร์กล่าวว่าถือเป็นสิ่งสำคัญที่ประเทศต่าง ๆ จะต้องให้ทางเลือกที่หลากหลายแก่ผู้สูบบุหรี่ในการเลิกบุหรี่ที่อันตรายถึงชีวิต และใช้มาตรการเชิงนโยบาย เช่น กฎการการกำหนดราคาและการตลาดที่แตกต่างกันเพื่อให้ประชาชนเลิกสูบบุหรี่ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
เขากล่าวว่าน่าเสียดายที่รัฐบาลยังตามหลังความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่มาก
“พวกเขามักจะไม่เข้าใจถึงความแตกต่างอันมหาศาลของความเสี่ยงในผลิตภัณฑ์นิโคตินที่มีรูปแบบต่างกันและกลับปกป้องธุรกิจบุหรี่โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะมัวแต่มองว่าทางเลือกที่มีความเสี่ยงต่ำเป็นภัยคุกคามแทนที่จะมองว่าเป็นโอกาส” เขากล่าว
ศาสตราจารย์สวีเนอร์ระบุว่าแทนที่จะยืนกรานในกลยุทธ์ “ถ้าไม่เลิกก็ตาย” รัฐบาลควรดำเนินการให้แน่ใจว่าคนที่สูบบุหรี่นั้นมีทางเลือกที่ปฏิบัติได้จริง
“ข้อเสนอแบบผสมผสานในแง่ของความจำเป็นและความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงข้อมูลประกอบกับความพร้อมและราคาของผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่มีความเสี่ยงต่ำ สิ่งเหล่านี้ควรเอื้ออำนวยต่อหลักการที่ว่าตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่านั้นเป็นตัวเลือกที่ทำได้ง่ายด้วย” เขาระบุ
“ผลิตภัณฑ์ทางเลือกของบุหรี่ที่ใช้ได้จริงสามารถลดปริมาณการบริโภคบุหรี่ลงได้อย่างมาก” ศาสตราจารย์สวีเนอร์กล่าว “เราสามารถคว้าโอกาสที่เทคโนโลยีในปัจจุบันเอื้อให้เราเพื่อยุติการแพร่ระบาดของบุหรี่ได้”
More Stories
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ควรให้ความสำคัญกับการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าการห้ามสูบบุหรี่
แนวทางการลดความเสี่ยงในการควบคุมยาสูบ
นักเคลื่อนไหวบุหรี่ไฟฟ้ายกย่องกฎหมายบุหรี่ไฟฟ้าใหม่ในฟิลิปปินส์