Tobacco Harm Reduction Network (Thailand)

รวมบทความ ข่าวสาร งานวิจัย เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการลดสารพิษจากการสูบบุหรี่แบบมวน และลดมลพิษให้กับคนรอบข้าง

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ควรให้ความสำคัญกับการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าการห้ามสูบบุหรี่

รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ทางเลือกนอกจากบุหรี่ เช่น ผลิตภัณฑ์ไร้ควัน มากกว่าการสั่งห้ามสูบบุหรี่ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญกล่าว

ในรายงานฉบับใหม่ที่เผยแพร่ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ระบุว่า Institute of Economic Affairs (IEA) เรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายให้ความสำคัญกับการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ปลอดควัน เช่น บุหรี่ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (IQOS) มากกว่าการห้ามหรือแบน รวมถึงแนวทางในการเลิกบุหรี่ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทดแทนการสูบบุหรี่ และอันตรายที่ลดลงหลังจากการใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการเผาไหม้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่นิยมในหลายประเทศรวมถึงนิวซีแลนด์ด้วย

ข้อมูลล่าสุดพบว่า ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในสหราชอาณาจักรมีจำนวนมากกว่าในปี พ.ศ. 2555 ถึง 5 เท่า ตั้งแต่มีการนำบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาเป็นทางเลือกแก่ผู้ที่สูบบุหรี่ต่อไป ปัจจุบันในประเทศอังกฤษ ผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่ร้อยละ 9.3 ใช้บุหรี่ไฟฟ้า และอัตราการสูบบุหรี่ลดลงจากร้อยละ 20 เหลือร้อยละ 14 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555

IEA ให้เหตุผลว่า ตราบใดที่ยังมีความต้องการสูบบุหรี่อยู่
นโยบายต่อต้านการบุหรี่ที่มุ่งเน้นการหักดิบและขึ้นราคาเพื่อลดจำนวนผู้สูบบุหรี่และป้องกันผู้สูบหน้าใหม่จะส่งผลให้ตลาดมืด เช่น บุหรี่เถื่อน เติบโตขึ้น ก่อให้เกิดอาชญากรรม และความยากจน โดยไม่ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่จะลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ลง ซึ่งในอังกฤษมีผู้สูบบุหรี่เพียงร้อยละ 53 เท่านั้น ที่ระบุว่าพวกเขาต้องการเลิกบุหรี่

คริสโตเฟอร์ สโนว์ดอน หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์ไลฟ์สไตล์ของ IEA ผู้เขียนแผนทางเลือกปลอดบุหรี่สำหรับปี พ.ศ. 2573 กล่าวว่าควรขจัดอุปสรรคต่อผู้บริโภค เพื่อให้พวกเขาได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ให้นิโคตินและมีความเสี่ยงน้อยกว่าบุหรี่ นอกจากนี้การให้ความสำคัญกับข้อมูลที่ถูกต้อง รอบด้าน เกี่ยวกับความเสี่ยงของการใช้ผลิตภัณฑ์ไร้ควัน เช่น บุหรี่ไฟฟ้า หรือผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (IQOS) ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น

ปัจจุบันผู้สูบบุหรี่ชาวอังกฤษกว่าร้อยละ 40 ยังมีความเข้าใจผิดว่านิโคตินเป็นสาเหตุของมะเร็ง รวมถึงโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ และจำนวนผู้สูบบุหรี่ที่เข้าใจผิดว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นเป็นอันตรายกว่าการสูบบุหรี่ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 36 เป็นร้อยละ 53 ระหว่างปี พ.ศ. 2557 – 2563 แม้ว่าราชวิทยาลัยอายุรแพทย์จะสรุปว่าความเสี่ยงของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในระยะยาวนั้น “ไม่น่าเกินร้อยละ 5 ของอันตรายที่เกิดจากการสูบบุหรี่” (RCP 2019)

“สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือการสร้างระเบียบข้อบังคับและสภาพแวดล้อมที่สามารถทำให้มั่นใจได้ว่าผู้สูบบุหรี่จะไม่ถูกทำให้เข้าใจผิดโดยข้อมูลเพียงด้านเดียวที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งระเบียบข้อบังคับเหล่านี้ มีหลายข้อที่สามารถเปลี่ยนได้และดำเนินการได้ทันที ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลบรรลุเป้าหมายด้านสาธารณสุขโดยไม่กระทบกับความเป็นอยู่ของผู้สูบบุหรี่” สโนว์ดอนอธิบาย

จะมีการอภิปรายเกี่ยวกับการทบทวนนโยบายปลอดบุหรี่ปี พ.ศ. 2573 อย่างเป็นอิสระในรัฐสภาของอังกฤษเพิ่มเติมต่อไป

ที่มา : https://www.cityam.com/focus-should-be-on-vapes-accessibility-rather-than-cigarette-bans-says-think-tank/

Click to rate this post!
[Total: 0 Average: 0]