
หลายรัฐในสหรัฐอเมริกาได้ห้ามการขายบุหรี่ไฟฟ้าที่แต่งกลิ่น แต่หลักฐานด้านความสัมพันธ์ระหว่างการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่แต่งกลิ่นและการเริ่มสูบบุหรี่ (smoking initiation) และการเลิกบุหรี่นั้นยังมีจำกัด การศึกษานี้เลยต้องการหาหลักฐานการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่แต่งกลิ่น นั้นว่ามีความเกี่ยวข้องเป็นอย่างไรกับการเริ่มสูบบุหรี่และการเลิกบุหรี่ที่ตามมา เทียบกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่ได้แต่งกลิ่น โดยติดตาม 3 กลุ่ม คือเยาวชน (12-17 ปี) วัยที่กำลังเป็นผู้ใหญ่ (18-24 ปี) และวัยผู้ใหญ่อายุ (25-54 ปี)
การศึกษานี้ติดตามประชากร (Cohort study) ตั้งแต่ปีค.ศ. 2013 ถึง 2018 โดยวิเคราะห์ข้อมูลแบบทุติยภูมิของข้อมูลการสำรวจเรื่องยาสูบและสุขภาพในช่วงระยะที่ 1 ถึง 4 โดยได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 17,929 คนที่อายุระหว่าง 12 ถึง 54 ปี ที่ได้อยู่ในแบบสำรวจตั้งแต่ระยะที่ 1 และทำแบบสำรวจต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ครั้ง และไม่เคยใช้บุหรี่ไฟฟ้ามาตั้งแต่ช่วง baseline
ผลการศึกษาพบว่า ผู้ใหญ่ที่เริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีรสชาติแบบที่ไม่ใช่รสยาสูบมีแนวโน้มที่จะเลิกสูบบุหรี่ มากกว่าผู้ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีรสยาสูบ ข้อค้นพบของการศึกษานี้สอดคล้องกับข้อกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีต่อการใช้ยาสูบของผู้เยาว์และการอ้างว่าบุหรี่ไฟฟ้าที่แต่งกลิ่น ช่วยให้ผู้ใหญ่เลิกบุหรี่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักฐานที่แสดงว่าผู้ใหญ่ที่สูบบุหรี่และ ใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีรสชาติแบบที่ไม่ใช่รสยาสูบ ดูเหมือนมีแนวโน้มที่จะเลิกสูบบุหรี่มากกว่าผู้ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีรสยาสูบ
ดังนั้น การแบนรสชาติของบุหรี่ไฟฟ้าอาจจะเป็นเครื่องมือที่ไม่ได้เฉียบแหลมนัก ในการแก้ปัญหาในปัจจุบัน แม้ว่าผู้เรียกร้องให้แบนเรื่องรสชาติโดยอ้างว่าบุหรี่ไฟฟ้ารสยาสูบอย่างเดียวก็เพียงพอ ที่จะช่วยผู้สูบบุหรี่ ดังนั้นควรมีหลักฐานสนับสนุนตามที่อ้างก่อนที่จะมีการดำเนินการต่อไป
More Stories
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ควรให้ความสำคัญกับการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าการห้ามสูบบุหรี่
แนวทางการลดความเสี่ยงในการควบคุมยาสูบ
นักเคลื่อนไหวบุหรี่ไฟฟ้ายกย่องกฎหมายบุหรี่ไฟฟ้าใหม่ในฟิลิปปินส์