
ฮาร์ชิต รักเคจา
ทีมงาน Inc42
- สมาคมผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าอินเดีย (AVI) ได้เรียกร้องให้มีการประท้วงทั่วประเทศเมื่อวันที่ 18 กันยายนเพื่อต่อต้านการสั่งห้ามบุหรี่ไฟฟ้า
- สมาคม AVI รู้สึกว่าการสั่งห้ามนี้กีดกันไม่ให้ผู้สูบบุหรี่เข้าถึงทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าซึ่งถือเป็นการเพิ่มภาระทางสาธารณสุขที่เกิดจากยาสูบในประเทศอินเดีย
- ในเดือนกันยายนปีที่แล้วรัฐบาลอินเดียได้สั่งห้ามบุหรี่ไฟฟ้าโดยระบุว่าต้องตัดสินใจเช่นนี้เพราะต้องการปกป้องเยาวชนจากการเสพติดบุหรี่
ในการประท้วงการห้ามใช้บุหรี่ไฟฟ้าในอินเดีย สมาคมผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าอินเดีย (AVI) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนที่ไม่แสวงหาผลกำไรได้เรียกร้องให้มีการประท้วงทั่วประเทศกำหนดให้วันที่ 18 กันยายนเป็นวันทมิฬ (Black Day)
สมาคมระบุว่าการสั่งห้ามบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งรัฐบาลได้ออกกฎหมายมาเมื่อกลางเมื่อปีที่แล้วนั้นเป็นการกีดกันผู้ติดบุหรี่เรื้อรังที่พยายามเลิกบุหรี่และคนอื่น ๆ ที่ไม่สามารถเลิกได้ไม่ให้เข้าถึงทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ซึ่งปล่อยสารละลายที่ถูกทำให้กลายเป็นไอเพื่อสูดดมเข้าร่างกาย สารละลายดังกล่าวมีนิโคติน โดยมีจุดมุ่งหมายคือเพื่อให้ความรู้สึกเดียวกับการสูบบุหรี่ยาสูบแต่ไม่มีควัน
“เรานำผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ามารวมตัวกันเพื่อประท้วงการสั่งห้ามที่เคร่งครัดของรัฐบาลเมื่อวันที่ 18 กันยายนปีที่แล้ว เนื่องจากการตัดสินใจอย่างไร้เหตุผลนี้จึงทำให้ความพยายามในการส่งเสริมหลักการลดอันตรายเพื่อลดภาระทางสาธารณสุขอันเกิดจากยาสูบของอินเดียนั้นสูญเปล่า ในประเทศของเราซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่เกือบล้านคนในทุก ๆ ปี การส่งเสริมเครื่องมือลดความเสี่ยงจึงถือเป็นสิ่งสำคัญ” ซำรัต ชอดฮารี ผู้อำนวยการ AVI กล่าว
เมื่อวันที่ 18 กันยายนปีที่แล้วรัฐบาลอินเดียสั่งห้ามบุหรี่ไฟฟ้าผ่านกฎหมายห้ามใช้บุหรี่ไฟฟ้าปี 2019 รัฐบาลโทษความเสี่ยงต่อสุขภาพที่ไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์ปล่อยไอละอองและผลิตภัณฑ์ ENDS (ระบบให้นิโคตินแบบอิเล็กทรอนิกส์) และใช้เป็นเหตุผลในการบังคับใช้กฎหมายห้าม
ในขณะที่ประกาศการสั่งห้าม รัฐบาลกล่าวว่าแม้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะได้รับการส่งเสริมให้เป็นเครื่องมือในการช่วยให้คนเลิกบุหรี่ แต่ในบางกรณีก็พิสูจน์แล้วว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้นเสพติด รัฐบาลกล่าวว่าคำสั่งห้ามดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องมิให้เยาวชนใช้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นความวิตกกังวลที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาพูดถึงเป็นรายแรก
สมาคมผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าระบุว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ได้
ในทางตรงกันข้าม สมาคม AVI รู้สึกว่าการห้ามใช้บุหรี่ไฟฟ้าแสดงให้เห็นถึงนโยบายที่ขาดการมองการณ์ไกล สมาคมได้เผยแพร่สาระสำคัญ 10 ประเด็น ซึ่งอธิบายถึงเหตุผลที่ว่าทำไมจึงควรยกเลิกการสั่งห้ามบุหรี่ไฟฟ้า
ประเด็นหนึ่งที่สมาคม AVI หยิบยกขึ้นในสาระสำคัญดังกล่าวระบุถึงทางเลือกต่าง ๆ ในการเลิกบุหรี่ และอัตราความสำเร็จของทางเลือกเหล่านั้น และจากข้อมูลของสมาคม การเลิกแบบหักดิบ (การเลิกสูบบุหรี่แบบกะทันหัน) มีอัตราความสำเร็จที่เพียงเล็กน้อยอยู่ที่ 5% ในขณะที่การใช้หมากฝรั่งและแผ่นแปะนิโคตินช่วยให้ผู้ใช้ 7% เลิกบุหรี่ได้โดยอัตราความสำเร็จเพิ่มขึ้นเป็น 15% เมื่อเสริมด้วยการให้คำปรึกษาเพิ่มเติม สมาคมไม่ได้กล่าวถึงแหล่งที่มาของตัวเลขเหล่านี้
สมาคมกล่าวว่าชาวอินเดียส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงหมากฝรั่งและแผ่นแปะนิโคตินได้เนื่องจากราคาที่สูง อีกทั้งเนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่สามารถชำระในอัตราส่วนลดจากรัฐบาลได้ โดยอ้างว่าบุหรี่ไฟฟ้าสามารถควบคุมให้อยู่ในช่วงราคาที่ผู้ที่สูบบุหรี่แบบมวนเอง (Bidi) สามารถจ่ายได้ และแสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพในการช่วยให้ผู้ใช้เลิกบุหรี่ได้มากกว่าหมากฝรั่งและแผ่นแปะนิโคตินถึงสองเท่า
สมาคมอ้างอิงข้อมูลจากการสำรวจยาสูบสำหรับผู้ใหญ่ทั่วโลก – 2 (GATS-2) เพื่อเน้นให้เห็นว่าอินเดียมีผู้สูบบุหรี่ 106 ล้านคน นอกจากนี้ยังเสริมว่าชาวอินเดีย 1.35 ล้านคนยังคงเสียชีวิตทุกปีจากโรคที่เกี่ยวข้องกับยาสูบ โดยมีการสูญเสียทางเศรษฐกิจสูงถึง 2 ล้านล้านรูปีต่อปี สมาคมระบุว่าการสั่งห้ามทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการสูบบุหรี่รังแต่จะทำให้ปัญหายาสูบของอินเดียยืดเยื้อต่อไป
ประเด็นอื่น ๆ ที่ได้รับการหยิบยกขึ้นมาในสาระสำคัญของ AVI กล่าวหาว่ารัฐบาลร่วมมือกับบริษัทยาสูบที่หุ้นพุ่งสูงขึ้นหลังจากอินเดียสั่งห้ามบุหรี่ไฟฟ้า การยืนยันของ AVI นี้ยังได้รับการสนับสนุนจากองค์กรพัฒนาเอกชนอื่น ๆ (NGO) อีกด้วย เมื่อปีที่แล้วหลังจากการห้ามบุหรี่ไฟฟ้า องค์กรองค์กรพัฒนาเอกชนหลายแห่งตั้งคำถามกับรัฐบาลว่าทำไมไม่ยอมสั่งห้ามบุหรี่แบบดั้งเดิมเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนบ้าง
อตุล โกยัล ประธานกลุ่มความร่วมมือ United Residents Joint Action (URJA) ได้กล่าวหาว่าสมาชิกของรัฐบาลหลายคนมีส่วนร่วมในบริษัทยาสูบและได้รับเงินปันผลจากบริษัทที่ผลิต ส่งเสริมการขายและจำหน่ายบุหรี่
ในสาระสำคัญของ AVI ทางสมาคมได้กล่าวโทษรัฐบาลที่ไม่ยอมทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้า แต่พึ่งพาการศึกษาวิจัยที่ดำเนินการในประเทศอื่น ๆ แทน ซึ่ง AVI อ้างว่าการวิจัยดังกล่าวขาดความน่าเชื่อถือในเวลาต่อมา
นอกจากนี้สาระสำคัญยังกล่าวเพิ่มเติมว่าการห้ามใช้บุหรี่ไฟฟ้าโดยสิ้นเชิงได้พิสูจน์แล้วว่าไม่มีประสิทธิภาพและนำไปสู่การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในตลาดมืดของเมืองใหญ่ ๆ ทางสมาคมอ้างว่าในขณะที่กฎระเบียบที่เหมาะสมจะก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากอุตสาหกรรมนี้ให้แก่ประเทศ ในขณะเดียวกันก็ทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์จะพ้นจากการเข้าถึงของเยาวชน แต่การสั่งห้ามดังกล่าวเปรียบเหมือนการกวาดปัญหานี้ไปซ่อนไว้ใต้พรม ซึ่งผลเสียที่อาจเกิดขึ้นตามมาจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอาจทำให้เกิดปัญหาในเชิงสัดส่วนที่ไม่สามารถจัดการได้
สำนักข่าว Business Insider รายงานเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมายังเน้นด้วยว่าในขณะที่คำสั่งห้ามนั้นผลักไสบริษัท บุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่เช่น Juul และ Vape ออกจากตลาดไป แต่ยังคงมีบุหรี่ไฟฟ้าจำหน่ายอย่างเสรีในอินเดียจากร้านขายหมากพลูริมถนน นอกจากนี้ยังมีการแพร่หลายของบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์สร้างไอละอองที่นำเข้าจากจีน ซึ่งมีจำหน่ายในตลาดมืดของเมืองใหญ่ ๆ ของอินเดีย
ก่อนการสั่งห้ามบุหรี่ไฟฟ้า แบรนด์ Juul และ Vape เป็นผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมในอินเดียนอกเหนือจากบุหรี่ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ Renova และ Eon ของ ITC
การวิจัยที่ไร้ข้อสรุปเกี่ยวกับการยอมรับบุหรี่ไฟฟ้า
การวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบและการเสพติดของบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลกยังไม่สามารถสรุปได้เนื่องจากข้อสรุปที่หลากหลายซึ่งได้มาจากการศึกษาเหล่านี้ ในขณะที่การศึกษาบางชิ้นงานที่สมาคม AVI อ้างอิงได้กล่าวถึงบุหรี่ไฟฟ้าว่าเสพติดน้อยลงเนื่องจากปริมาณนิโคตินที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์นั้นน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไป การวิจัยเพิ่มเติมชี้ให้เห็นว่าการเผยแพร่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการสูบบุหรี่อาจทำให้วัยรุ่นเห็นการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องปกติได้
ในส่วนของบุหรี่ไฟฟ้า องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่าสารละลายนิโคตินที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์อาจส่ง “ผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ในระหว่างตั้งครรภ์และอาจทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้”
“แม้ว่าตัวนิโคตินเองจะไม่ใช่สารก่อมะเร็ง แต่ก็อาจทำหน้าที่เป็นตัวเร่งเนื้องอก นิโคตินน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับลักษณะพื้นฐานทางชีววิทยาของโรคร้ายนี้ รวมถึงการเสื่อมของระบบประสาท” ตามข้อมูลของ WHO
ในขณะที่ WHO ยอมรับว่าตนมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะทำความเข้าใจผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้าที่มีต่อสุขภาพของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน แต่ก็เตือนเกี่ยวกับความง่ายดายในการปรับแต่งบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ ENDS เพื่อเพิ่มปริมาณการให้นิโคตินของตัวอุปกรณ์
ชาวไร่ยาสูบคัดค้านบุหรี่ไฟฟ้า
ในขณะที่สมาคม AVI กำลังประท้วงการสั่งห้ามบุหรี่ไฟฟ้าและสนับสนุนนโยบายการลดอันตราย โดยเรียกว่าเป็นกลยุทธ์การควบคุมยาสูบที่มีมนุษยธรรมและมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น แต่สหภาพชาวไร่ของอินเดีย Bharatiya Kisan Union (BKU) กลับต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้าอย่างรุนแรง โดยกล่าวว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอาจเป็นอันตรายต่อวิถีการครองชีพของชาวไร่ยาสูบ
ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว สหภาพ BKU ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อนายนาเรนดรา ซิง โทมาร์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของสหภาพ และนายปิยุช โกยัล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม Piyush Goyal ให้สั่งห้ามบุหรี่ไฟฟ้าและปกป้องวิถีการครองชีพของเกษตรกรอินเดีย ในเดือนเดียวกันนั้นบุหรี่ไฟฟ้าก็ถูกสั่งห้ามในประเทศ
เมื่อกฎหมายสั่งห้ามบุหรี่ไฟฟ้าครบรอบหนึ่งปี อูเพนดรา แนธ ชาร์มา หุ้นส่วนของบริษัทกฎหมาย J Sagar Associates กล่าวว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่รัฐบาลจะต้องประเมินจุดยืนเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์สร้างไอละอองอีกครั้ง “รัฐบาลควรเริ่มดำเนินการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์อย่างอิสระที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของอินเดีย ที่สำคัญคือต้องตระหนักว่าผลิตภัณฑ์ยาสูบไม่ได้เป็นอันตรายไปเสียทุกชนิด และผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดก็ไม่ควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน” เขากล่าว
“มีความจำเป็นเร่งด่วนที่เราต้องมีแนวทางการกำหนดนโยบายที่สมดุล โดยคำนึงถึงความกังวลของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลาย ๆ ฝ่าย รวมทั้งองค์กร อุตสาหกรรมและผู้บริโภค แนวทางดังกล่าวต้องได้รับการสนับสนุนด้วยการดำเนินการที่เข้มงวดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในกลุ่มผู้สูบบุหรี่วัยผู้ใหญ่ที่ไม่สามารถเลิกหรือไม่ต้องการเลิกบุหรี่ ดังนั้นจึงควรสนับสนุนให้พวกเขาเปลี่ยนไปใช้ทางเลือกอื่นที่ค่อนข้างปลอดภัยกว่า” ชาร์มากล่าวเสริม
More Stories
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ควรให้ความสำคัญกับการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าการห้ามสูบบุหรี่
แนวทางการลดความเสี่ยงในการควบคุมยาสูบ
FDA เปิดตัวเว็บไซต์ให้ความรู้เพื่อการศึกษาเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า