
การศึกษาที่เผยแพร่โดยกลุ่มรณรงค์ E- cigarette research พบว่าการจำกัดรสชาติในผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าอาจเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ในการพยายามที่จะลดอัตราการเสียชีวิตของชาวแคนาดาที่มีมากกว่า 48,000 ชีวิต ที่สูญเสียจากการสูบบุหรี่ในทุกปี โดยการศึกษานี้ทำการตรวจสอบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค ความเสี่ยง และข้อพิจารณาด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า
ผลการศึกษาระบุว่าผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าแบบมีรสชาตินั้นมีความเชื่อมโยงกับการเลิกบุหรี่ และควรเป็นสินค้าที่หาได้ง่ายในราคาที่ไม่แพงจนเกินไปสำหรับผู้สูบบุหรี่ที่ต้องการตัดขาดจากการสูบบุหรี่
รัฐบาลแคนาดาได้เตรียมที่จะแบนบุหรี่ไฟฟ้าชนิดที่มีการปรุงแต่งรสชาติ โดยจะไม่อนุญาตให้มีรสชาติอื่นนอกจาก ยาสูบ เมนทอล และมิ้นท์ เพื่อเป็นการปกป้องชาวแคนาดาจากการเสพติดนิโคตินและการจูงใจให้เด็กมาสูบบุหรี่โดยเริ่มจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ดร. คอนสแตนตินอส ฟาร์ซาลินอส แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจที่อุทิศชีวิตให้กับแนวทางการลดอันตรายจากยาสูบ กล่าวว่า “การควบคุมรสชาติของผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยป้องกันการเกิดโรคและช่วยชีวิตของผู้สูบบุหรี่ที่ไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้ด้วยตนเองหรือด้วยวิธีอื่นๆ”
“แต่มาตรการแบนรสชาติในบุหรี่ไฟฟ้ากลับไม่สนใจหลักฐานที่แสดงว่ามันช่วยให้ผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือกอื่นที่มีความเสี่ยงน้อยเทียบกับบุหรี่แบบเดิม ซึ่งสามารถป้องกันโรคและช่วยชีวิตผู้คนได้ ถ้ามีการแบนเกิดขึ้น ในที่สุดผู้บริโภคก็จะหันไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่จำหน่ายแบบผิดกฎหมาย หรือสุดท้ายก็กลับไปสูบบุหรี่อย่างเดิม”
รายงานระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้า หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าแบบมีนิโคตินหรือระบบนำส่งนิโคตินอิเล็กทรอนิกส์ (ENDS) ได้กลายเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้สูบที่ต้องการเลิกบุหรี่
โดยในข่าวมีการอ้างอิงจากผลการศึกษาว่า ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าแบบมีรสชาติมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากถึงสามเท่าและยังระบุอีกว่าบุหรี่ไฟฟ้าอาจช่วยลดอัตราการเสียชีวิตกว่า 130,000 ชีวิตได้ในระหว่างปี 2012 ถึง 2052 หากผู้สูบบุหรี่ชาวแคนาดาเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าแทนการสูบบุหรี่มวน โดยรสชาติของผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้านั้นมีส่วนช่วยในการพัฒนาประสิทธิภาพของ Nicotine Replacement Therapy (NRT) เช่น ยาอมนิโคติน และ หมากฝรั่งนิโคติน ซึ่งอยู่ในรายชื่อยาขององค์การอนามัยโลก (WHO)
“แน่นอนว่า หากองค์การอนามัยโลกพิจารณาว่าสารปรุงแต่งรสในผลิตภัณฑ์ยาอมนิโคตินเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเลิกบุหรี่ สารปรุงแต่งรสในผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินก็ควรจะได้รับการยอมรับเช่นเดียวกัน”
ดร. ฟาร์ซาลินอส กล่าว รายงานยังได้แนะนำถึงการเข้าถึงที่ง่ายขึ้นสำหรับเครื่องมือเลิกบุหรี่ เช่น ผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าแบบมีรสชาติ โดยผ่านการควบคุมตามสัดส่วน ความเสี่ยง และการตรวจสอบที่เคร่งครัด
รายงานฉบับนี้ไม่ได้เป็นงานวิจัยเพียงฉบับเดียวที่ระบุว่าบุหรี่ไฟฟ้าแบบมีรสชาตินั้นมีส่วนช่วยให้ผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า และการแบนผลิตภัณฑ์ไร้ควันและบุหรี่ไฟฟ้านั้นไม่ใช้ทางออกในการลดอัตราผู้เสียชีวิตที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ดังนั้นการแบนจึงไม่ใช่และไม่เคยเป็นแนวทางที่ดีในการควบคุมผลิตภัณฑ์เหล่านี้ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่รัฐไม่เพียงแต่แบนผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าแบบมีรสชาติแต่ยังแบนผลิตภัณฑ์ลดความเสี่ยงทุกชนิดทำให้เกิดตลาดมืด ต่อให้ผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าก็อาจไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพเนื่องจากรัฐไม่สามารถควบคุมหรือตรวจสอบคุณภาพสินค้าได้ จึงไม่สามารถปกป้องสุขภาพของผู้บริโภคได้เลย
ดังนั้นการออกนโยบายกำกับดูแลให้เหมาะสมจึงเป็นทางออกที่ดีกว่าการแบน
อ้างอิงจาก : https://www.baytoday.ca/local-news/vaping-flavour-bans-will-put-lives-at-risk-says-lobby-group-4890927
More Stories
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ควรให้ความสำคัญกับการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าการห้ามสูบบุหรี่
นักเคลื่อนไหวบุหรี่ไฟฟ้ายกย่องกฎหมายบุหรี่ไฟฟ้าใหม่ในฟิลิปปินส์
การแบนบุหรี่ไฟฟ้าเป็นวิสัยทัศน์ที่คับแคบ และรัฐบาลอินเดียต้องทบทวนใหม่อีกครั้ง